ก้าวแรกสู่ “มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” (ประเทศไทย)หรือ FEED
กว่า 15 ปี ที่ WWF ประเทศไทย ได้ดำเนินงานโครงการสิ่งแวดล้อมศึกษา และคิดค้นต้นแบบศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และการดำเนินงานที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและสังคมไทย WWF GMPO (World Wide Fund for Nature Greater Mekong Program Office) ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่เอื้อประโยชน์ทั้งต่อการพัฒนาและการอนุรักษ์ได้อย่างสมดุลในการที่จะนำไปสู่หลักการบริหารจัดการและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development ) จึงได้ผลักดันการดำเนินงานสิ่งแวดล้อมศึกษาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น อันจะส่งผลขยายงานในระดับกว้างไปยังพื้นที่อื่นทั้งนี้ทีมงานสิ่งแวดล้อมศึกษา WWF ประเทศไทยได้ดำเนินการรวมศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ทั้ง 3 ศูนย์ฯ ในขณะนั้น และยื่นขอจดทะเบียนเป็น “มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย)” หรือ Foundation for Environmental Education for Sustainable Development (Thailand) : FEED ขึ้น โดยได้รับรองการขึ้นทะเบียนเป็นมูลนิธิจากกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2554 และได้รับการขึ้นทะเบียนเลขที่ 4/2555 เป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2555
วัตถุประสงค์
- เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- เพื่อจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์ศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
- เพื่อส่งเสริมงานการศึกษาการพัฒนาและฝึกอบรมเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมถึงการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
- เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพเกษตรกรรมหัตถกรรมอุตสาหกรรมที่เหมาะสม และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เอื้อต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ดำเนินการใดๆ ในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ
- เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อสาธารณประโยชน์
การดำเนินงานของมูลนิธิ
มูลนิธิฯ มีการดำเนินงานนโยบายและการดำเนินงานอิสระจาก WWF มุ่งสร้างอนาคตที่เข้มแข็งเพื่อให้มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลบนโลกใบนี้ โดยใช้กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาและการบูรณาการสาระการเรียนรู้ด้วยธรรมชาติ โดยหวังว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่จะมีความตระหนัก ความคิด ทัศนคติ และสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้เพื่อดูแลรักษา และหวงแหนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริโภคและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการสนับสนุนงานหลักๆ ดังต่อไปนี้
- บริหารจัดการศูนย์ศึกษาธรรมชาติ จัดทำนโยบาย กำกับดูแลศูนย์ศึกษาธรรมชาติ จัดทำหลักสูตรและกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อสร้างเยาวชนที่รักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น หลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา ค่ายเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ค่ายเรียนรู้พลังงานและภาวะโลกร้อน และค่ายบูรณาการ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น โดยปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนผ่านหลักสูตรและกระบวนการดังกล่าวอย่างน้อยปีละ 30,000 คน จากศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ทั้งนี้ทางมูลนิธิฯ มุ่งหวังที่จะขยายศูนย์ศึกษาธรรมชาติไปยังภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อครอบคลุมทั่วประเทศต่อไปในอนาคต ปัจจุบันมูลนิธิฯ ดำเนินการบริหารจัดการ 3 ศูนย์ศึกษาฯ ได้แก่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” จังหวัดฉะเชิงเทรา และศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- ดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา กิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กิจกรรมลดภาวะโลกร้อน การอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ที่สำคัญและใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงการป้องกันและรับมือภัยพิบัติต่างๆ
- ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเกิดความร่วมมือในการจัดทำกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ
- ประสานความร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรม CSR ของภาคธุรกิจเอกชน ให้สอดคล้องกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และชุมชน
หลักสูตร กิจกรรม และโครงการที่ดำเนินงานโดยมูลนิธิฯ
- ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี
- ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ”
- ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา
- ค่ายนักเรียนบูรณาการ เรียนรู้สิ่งแวดล้อม ทักษะทางสังคมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- โครงการโรงเรียนใหญ่ รอยเท้าเล็ก
- โครงการค่ายเยาวชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- โครงการวิจัยเพื่องานด้านสิ่งแวดล้อม
- โครงการศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อม
หลักสูตร กิจกรรม และโครงการที่ดำเนินงานโดยมูลนิธิฯ
- โครงการฟื้นฟูระบบนิเวศในโรงเรียน (โรงเรียนสีเขียว)
- โครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทย
- โครงการหลักสูตรสิ่งแวดล้อมโรงเรียนจิตรลดา
- โครงการปลูกป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศวังน้ำเขียว นครราชสีมา (ศูนย์ศึกษาธรรมชาติวังน้ำเขียว)
- ค่ายนักเรียนบูรณาการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม ทักษะทางสังคมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ส่วนขยายผล)
- โครงการรถนิทรรศการเคลื่อนที่
- โครงการส่งน้องเข้าห้องเรียนธรรมชาติ
- โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติคลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์
- ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา กรุงเทพมหานคร
ก่อนมาเป็น “มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย)”
WWF เป็นองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มเข้ามาสนับสนุนงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 โดยการสนับสนุนมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2536 ได้ตั้งสำนักงานกลางขึ้นในประเทศไทยที่ จ.ปทุมธานี และดำเนินโครงการอันเกื้อกูลประโยชน์แก่ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมทั่วประเทศนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2548 ได้รวมกับประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม ขึ้นภายใต้ชื่อWWF Greater Mekong Programme Office
WWF มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์อนุรักษ์สภาพแวดล้อมของโลก และได้ประกาศให้พื้นที่ 200 แห่ง (The Global 200: Key Ecoregions for Saving Life on Earth) ซึ่งเป็นตัวแทนของความหลากหลายทางชีวภาพของโลกเป็นพื้นที่ที่ต้องปกป้องรักษาไว้อย่างเร่งด่วนเพื่อคนรุ่นหลัง ในประเทศไทย WWF ได้ให้ความสำคัญกับผืนป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่นเรศวร หัวใจของผืนป่าเทือกเขาถนนธงชัยและตะนาวศรีหรือผืนป่าตะวันตก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของ Global 200 ในปี พ.ศ. 2541- 2543 WWF ได้นำกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษามาใช้เป็นแนวทางอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ กรมป่าไม้ และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ “โครงการสิ่งแวดล้อมศึกษาห้วยแม่ดีเพื่ออนุรักษ์ป่าตะวันตก จ.อุทัยธานี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพผืนป่าตะวันตกและส่งเสริมให้ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบผืนป่ามีการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาทักษะทางด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาให้กับบุคลากรหลักต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้สานต่อโครงการเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศโดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นแกนกลางในการดำเนินงานภายใต้ “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน (SEET)”